บัญชีสำหรับธุรกิจตลาดนัด หรือ ธุรกิจให้เช่าสถานที่
ดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งาน
 

หากเรามีที่ดินเปล่า มีทำเลอยู่ในชุนชน และมีถนนตัดผ่าน การเปลี่ยนแปลงที่ดินเปล่าพื้นนั้น ให้สามารถสร้างรายได้ โดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ การเปิดตลาดนัดก็จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ที่จะเปิดเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเจ้าของที่ดินได้ การสร้างตลาด หรือการให้เช่าสถานที่ หากมีพื้นที่ส่วนกลาง หรือมีการจัดการพื้นที่ได้ดี มีพื้นที่สะอาด การเดินทางสะดวก บริการของเจ้าของธุรกิจที่ดี มีพื้นที่จอดรถเพียงพอสำหรับลูกค้าที่จะเข้ามาทำการซื้อขายในตลาด หรือพื้นที่ที่ให้เช่า ก็จะทำให้การดำเนินธุรกิจนั้น เติบโตและมั่นคงได้อย่างง่าย แต่ในการดำเนินธุรกิจประเภทนี้ หากไม่วางแผนระบบบัญชีที่ดี ก็จะเป็นอุปสรรคของธุรกิจได้ ดังนั้นเราจะมาแนะนำการวางระบบบัญชีพื้นฐานที่ควรมีสำหรับธุรกิจตลาดนัด หรือธุรกิจให้เช่าสถานที่กันค่ะ

 

 หากเรามีที่ดินเปล่า มีทำเลอยู่ในชุนชน และมีถนนตัดผ่าน การเปลี่ยนแปลงที่ดินเปล่าพื้นนั้น ให้สามารถสร้างรายได้ โดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ การเปิดตลาดนัดก็จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ที่จะเปิดเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเจ้าของที่ดินได้ การสร้างตลาด หรือการให้เช่าสถานที่ หากมีพื้นที่ส่วนกลาง หรือมีการจัดการพื้นที่ได้ดี มีพื้นที่สะอาด การเดินทางสะดวก บริการของเจ้าของธุรกิจที่ดี มีพื้นที่จอดรถเพียงพอสำหรับลูกค้าที่จะเข้ามาทำการซื้อขายในตลาด หรือพื้นที่ที่ให้เช่า ก็จะทำให้การดำเนินธุรกิจนั้น เติบโตและมั่นคงได้อย่างง่าย แต่ในการดำเนินธุรกิจประเภทนี้ หากไม่วางแผนระบบบัญชีที่ดี ก็จะเป็นอุปสรรคของธุรกิจได้ ดังนั้นเราจะมาแนะนำการวางระบบบัญชีพื้นฐานที่ควรมีสำหรับธุรกิจตลาดนัด หรือธุรกิจให้เช่าสถานที่กันค่ะ

 

การเปิดธุรกิจตลาดนัด ถึงแม้จะเป็นการให้บริการให้เช่าสถานที่ แต่ก็ต้องคำนึกถึงรูปแบบภาษีด้วย โดยสามารถแยกประเภทของรายได้ ได้ดังนี้
1. ส่วนที่เป็นรายได้ที่ได้จากการเรียกเก็บการเช่าพื้นที่ สามารถแบ่งได้ 2 กรณีคือ
- กรณีที่มีการส่งมอบการครอบครองพื้นที่ ที่มีการกั้นล็อคแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน ละมีประตูปิดกั้นแต่ละล็อค จะถือเป็น "การให้เช่า" และจะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
- กรณีที่ไม่มีการส่งมอบการครอบครองพื้นที่ จะถือว่าเป็น "การให้บริการพื้นที่" ซึ่งจะอยู่ในบังคับที่จะต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
2. ส่วนที่เป็นรายได้จากค่าบริการอื่นๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า จะถือวาเป็นการให้บริการ ซึ่งอยู่ในบังคับที่จะต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม

และหากรายได้ทั้งในส่วนของการเก็บค่าเช่าพื้นที่ และรายได้จากค่าบริการอื่นๆ รวมกันแล้ว มากกว่า1.8 ล้านบาทต่อปี กิจการจะต้องทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพื่อสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งบริษัท หรือจะจดเมื่อมีรายได้ก็ได้ แต่หากมีการจดทะเบียนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งบริษัท ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการก่อสร้าง จะไม่สามารถคิดในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มได้ แต่สามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้มาคิดเป็นต้นทุนได้ และเมื่อมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เจ้าของกิจจการจะต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับลูกค้า 7 % ต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่ลูกค้า และจัดทำรายงานภาษีซื้อ - ภาษีขาย และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับกรมสรรพากรด้วย

ในส่วนของเงินได้ กิจการจะสามารถพิจารณาได้ดังนี้
- เงินได้จากการให้เช่า จะสามารถนำมาคิดหักรายจ่ายแบบเหมาได้ 30 % ของรายจ่าย หรือเลือกหักตามความเหมาะสม
- เงินได้จากกว่าให้บริการพื้นที่ หรือการให้บริการอื่นๆ จะสามารถนำมาหักรายจ่ายได้ตามความเหมาะสม

ในการทำธุรกิจ หากไม่ได้มีการวางแผนในเรื่องของระบบบัญชีและภาษีไว้ตั้งแต่แรก เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น อาจจะทำให้ถูกสรรพากรเรียกตรงสอบข้อมูลรายได้ย้อนหลังได้ หากมีการวางแผนบัญชีและภาษีไว้ล่วงหน้า หรือมีระบบที่สามารถจัดเก็บข้อมูลรายได้ของกิจการไว้ ก็จะทำให้เจ้าของธุรกิจหมดกังวลในเรื่องของภาษีได้ และสามารถเรียกดูรายงานรายรับ-รายจ่ายของกิจการ เพื่อนำไปคำนวณผลกำไรขาดทุน และนำไปพิจารณาการบริหารงานหรือการลงทุนเพิ่มของกิจการได้

บทความโดย : https://www.mdsoft.co.th/ (บริษัท เอ็ม.ดี.ซอฟต์ จำกัด)

 

พัฒนาโปรแกรมบนเว็บ PHP บริการพัฒนา Joomla Extension พัฒนาและปรับแต่งเว็บบอร์ด phpBBพัฒนาระบบ CRM