ข้อดีเมื่อนำ Package software (แพ็กเกจ ซอฟต์แวร์) หรือ ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ไปใช้งานในองค์กร
ดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งานดาวใช้งาน
 

 ข้อดีเมื่อนำ Package software (แพ็กเกจ ซอฟต์แวร์) หรือ ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ไปใช้งานในองค์กร
ข้อดีเมื่อนำ Package software ไปใช้งานในองค์กร 

ข้อดีเมื่อนำ Package software (แพ็กเกจ ซอฟต์แวร์) หรือ ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ไปใช้งานในองค์กร

      ซอฟต์แวร์ ก็คือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนและเรียบเรียงด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ จนเกิดเป็นซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเพื่อตอบสนองความต้องการกับผู้ใช้งาน ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้ถูกนำเข้ามาใช้งานทุกที่เช่น สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ/เอกชน บริษัทองค์กร ร้านค้า โรงงานอุตสาหกรรม หรือตามบ้านเรือนทั่วไปล้วนแต่ใช้คอมพิวเตอร์ในการหาผลประโยชน์ หรือความบันเทิง คอมพิวเตอร์จะไม่สามารถทำงานได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการนอกจะใช้ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ถูกพัฒนาเฉพาะทางติดตั้งในคอมพิวเตอร์และใช้งานได้

      ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป คือซอฟต์แวร์ที่มีการขาย ให้เช่า หรือให้บริการ โดยคิดค่าบริการเป็น transaction หรือ license สำหรับธุรกิจ องค์กร หน่วยงาน ที่ไม่มีความรู้เรื่องการใช้ซอฟต์แวร์ หรือต้องการซอฟต์แวร์ที่สามารทำงานได้ตรงความต้องการ ซึ่งซอฟแวร์สำเร็จรูปเมื่อผู้ใช้นำไปติดตั้งแล้วก็สามารถใช้งานได้ทันทีสำหรับโปรแกรมสำเร็จรูปจะแบ่งเป็น 2 ประเภท โปรแกรมมาตรฐาน และ โปรแกรมเฉพาะ

  • โปรแกรมมาตรฐาน เป็นโปรแกรมพัฒนาเพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้งานโปรแกรมได้ในรูปแบบเดียวกัน ด้วยความสามารถและการใช้งานตามที่ผู้พัฒนาได้กำหนดไว้เช่น โปรแกรมระบบ HR จัดการทรัพยากรมนุษย์ ที่ใช้ในองค์กร โปรแกรมมาตรฐานก็จะสามารถจัดการได้ตามที่ผู้พัฒนากำหนดไว้ โปรแกรมมารถฐานจะถูกจำหน่ายในรูปแบบ license
  • โปรแกรมเฉพาะ จะเป็นโปรแกรมมีการพัฒนาเพิ่มเติมไปจากเดิม เป็นความต้องการของลูกค้าเพื่อให้โปรแกรมนั้นสามารถรองรับการทำงานของธุรกิจได้ตรงจุด หรือด้วยธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอจำเป็นต้องให้โปรแกรมนั้นสามารถตอบสนองความต้องการได้ โดยโปรแกรมเฉพาะจะถูกจำหน่ายแบบ transaction เป็นการคิดราคาตามรายการปรับเปลี่ยน และความยากง่ายในการปรับเปลี่ยนแต่ละครั้ง 

ข้อดีของการใช้งานซอฟต์แวร์สำเร็จรูป

  1. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: การใช้งานซอฟต์แวร์สำเร็จรูปช่วยลดเวลาในการพัฒนาโปรแกรม และ ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างนักพัฒนาโปรแกรม เนื่องจากซอฟต์แวร์สำเร็จรูปได้รับการพัฒนาและทดสอบมาแล้ว ทำให้สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาในการพัฒนาใหม่
  2. คุณภาพและการทดสอบ: ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมักมีการทดสอบที่เข้มงวดและการปรับปรุงคุณภาพต่อเนื่อง เนื่องจากมีการนำไปใช้จริงในสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งช่วยให้มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพในการทำงาน
  3. ความเชื่อมต่อและความสอดคล้อง: ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมักมีการออกแบบและสอดคล้องกับมาตรฐานและโครงสร้างที่กำหนด ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการเชื่อมต่อกับระบบหรือแอปพลิเคชันอื่นๆ ผ่านทาง API (ฟอฟต์แวร์สำเร็จรูปสมัยใหม่จะมี API ให้นักพัฒนามาเชื่อมต่อ)
  4. ความเป็นมาตรฐาน: ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมักมีความเป็นมาตรฐานที่แน่นหนาและรองรับการใช้งานในระยะยาว มีการอัปเดตและการสนับสนุนต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ในระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการสนับสนุนและปรับปรุง
  5. ความปลอดภัย: ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมักมีการพัฒนาและทดสอบเพื่อความปลอดภัย มีการแก้ไขช่องโหว่และบั๊กอย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่าซอฟต์แวร์จะไม่มีช่องโหว่ที่อาจถูกนำมาใช้ในการโจมตีหรือทำความเสียหาย
  6. มีราคาถูก และ สามารถนำไปใช้งานได้ง่ายสามารถศึกษาคุณสมบัติและประสิทธิภาพของโปรแกรมได้โดยตรงจากคู่มือที่มีให้
  7. มีซอฟต์แวร์ที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้าจำนวนมาก เหมาะสำหรับหลายๆธุรกิจ
  8. ลดความผิดพลาดในการทำงาน ลดระยะเวลาในหลายๆขึ้นตอน ทำให้เกิดความเสี่ยงน้อยลง 
  9. ทำให้ส่วนงานต่างๆสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างดี โดยการเชื่อมโยงข้อมูลแต่ละฝ่ายบางองค์กรจำเป็นต้องใช้ข้อมูลหลายๆฝ่าย ดังนั้นหากมีซอฟต์แวร์ช่วยก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น

ข้อเสียของการใช้งานซอฟต์แวร์สำเร็จรูป

  1. โปรแกรมมาตรฐานที่ซื้อแบบ license เมื่อใช้ไปนานๆ โปรแกรมอาจจะล้าสมัยไม่ตอบสนองธุรกิจที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง หรือหากมีการอัพเดตต้องมีค้าใช้จ่ายเพิ่ม
  2. โปรแกรมเฉพาะเมื่อลูกค้าต้องการปรับแต่ง เพิ่ม ลบ ส่วนต่างๆของโปรแกรม ทำให้ต้องเสียค่าบริการอยู่เสมอและค่าบริการอาจจะมีราคาที่สูงมาก ขึ้นอยู่กับความยากง่าย และอาจใช้เวลานานในการพัฒนาแต่ละครั้ง
  3. ข้อจำกัดในการปรับแต่ง (Customize) : ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมักมีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามความต้องการ อย่างไรก็ตาม มีกรณีที่ซอฟต์แวร์ไม่สามารถปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งอาจจำกัดความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจหรือผู้ใช้รายบุคคล
  4. ข้อจำกัดในความสอดคล้องกับธุรกิจที่มีความซับซ้อนกว่าธุรกิจในธุรกิจประเภทเดียวกัน: ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปอาจไม่สอดคล้องกับกระบวนการธุรกิจหรือโครงการที่มีอยู่แล้วในองค์กร ซึ่งอาจต้องปรับปรุงกระบวนการหรือปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับซอฟต์แวร์นั้นได้
  5. ข้อจำกัดในการกำหนดกฎระเบียบ: ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมักจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินงานหรือกฎระเบียบภายในองค์กรในกรณีที่ซอฟต์แวร์นั้นไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่มีอยู่ในองค์กร ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกหรือความไม่พึงพอใจในการใช้งาน
  6. ข้อจำกัดในเทคโนโลยี: ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปอาจมีข้อจำกัดในการรองรับเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจจำเป็นต้องทำการปรับปรุงหรือปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้เข้ากับเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มที่ใช้งานอยู่ในองค์กร
  7. ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความมั่นคง: การใช้งานซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่พัฒนาโดยบุคคลภายนอกอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาในกรณีที่ซอฟต์แวร์นั้นมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในองค์กร

ทางบริษัท เอ็ม.ดี ซอฟต์ มีบริการดูแลปรับแต่งเทมเพลตเว็บไซต์ เว็บบอร์ด และหากใครที่ต้องการให้เว็บไซต์มีความสามารถที่มากกว่าเว็บไซต์ทั่วๆไปก็มีบริการพัฒนาโปรแกรมบนเว็บ PHP ซึ่งสามารถที่จะสอบถามเกี่ยวกับบริการเพิ่มเติมได้ที่ สอบถามข้อมูลบริการ หรือโทร 08-1619-8579 ค่ะ

บทความโดย : https://www.mdsoft.co.th/ (บริษัท เอ็ม.ดี.ซอฟต์ จำกัด)

พัฒนาโปรแกรมบนเว็บ PHP โปรแกรมบริหารจัดการตลาด พัฒนาและปรับแต่งเว็บบอร์ดพัฒนาระบบ CRM